6 เสาหลักสู่ลมหายใจไร้ควัน: เลี่ยงสารร้าย เลิกบุหรี่ ชีวียืนยาว
การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่การเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และการเสียชีวิต ดังนั้น ‘การหลีกเลี่ยงสารเสี่ยง (Avoidance of Risky Substances)’ จึงถือเป็นหนึ่งในเสาหลักข้อที่ 4 ของเวชศาสตร์วิถีชีวิต ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพผ่านการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
บุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร (Premature death) โดยมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ประมาณ 5–7 ล้านคนต่อปี การสูบบุหรี่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น
- โรคระบบทางเดินหายใจ - ผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงเพิ่มมากถึง 7.6 เท่าในผู้หญิง และ 6.3 เท่าในผู้ชาย ส่งผลให้อายุขัยเฉลี่ยลดลงประมาณ 20 ปีในผู้หญิง และ 18 ปีในผู้ชาย
- โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด - ความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดในผู้สูบบุหรี่เพิ่มขึ้น 3.1 เท่าในผู้หญิง และ 2.9 เท่าในผู้ชาย โดยพบว่า ผู้หญิงสูญเสียอายุขัยเฉลี่ย 10 ปี และผู้ชายสูญเสียอายุขัยเฉลี่ย 14 ปี
โรคมะเร็ง – การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยง 2.8 เท่าในผู้หญิง และ 3.1 เท่าในผู้ชาย โดยทั้งสองเพศสูญเสียอายุขัยเฉลี่ยเท่ากันที่ 12 ปี
ฉะนั้น การเลิกบุหรี่ยิ่งทำได้เร็วเท่าไร ยิ่งดีต่อสุขภาพมากเท่านั้น และมีโอกาสฟื้นฟูความเสียหายจากบุหรี่ได้มากขึ้น จากการศึกษาพบว่า การเลิกบุหรี่ก่อนอายุ 40 ปี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องได้มากถึง 90% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ยังคงสูบบุหรี่ โดยผู้ที่เลิกสูบบุหรี่ในช่วงอายุน้อยกว่า 40 ปี จะมีอายุขัยเฉลี่ยยืนยาวขึ้น 12 ปี แต่หากเลิกสูบบุหรี่ในช่วงอายุ 40-49 ปี จะได้เพิ่มอายุขัยขึ้นได้ 6 ปี และหากเลิกบุหรี่ในช่วงอายุ 50-59 ปี จะได้เพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ปี
จะเห็นว่า ประโยชน์ของการเลิกบุหรี่จะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เลิกสูบบุหรี่มานานเกิน 10 ปี สามารถลดการสูญเสียอายุขัยลงได้ 8-15 ปี ขึ้นอยู่กับเพศและช่วงอายุในขณะเลิกสูบ จนกล่าวได้ว่า ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของผู้ที่เลิกสูบบุหรี่มานานอาจใกล้เคียงกับผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลยก็ว่าได้
แนวทางการเลิกบุหรี่
การเลิกบุหรี่สามารถทำได้โดยอาศัย 3 แนวทางหลัก คือ
- การบำบัดด้วยยา (Pharmacotherapy)
การใช้ยาช่วยเลิกบุหรี่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการบรรเทาอาการถอนนิโคติน ช่วยลดความอยากบุหรี่ ช่วยเพิ่มโอกาสในการเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ ตัวอย่างเช่น
- นิโคตินทดแทน (Nicotine Replacement Therapy: NRT) - ช่วยให้ควบคุมปริมาณนิโคตินตามที่ต้องการได้ เพื่อค่อย ๆ ลดปริมาณนิโคตินลง ผลิตภัณฑ์นี้มี 5 รูปแบบที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้แก่ แผ่นแปะนิโคติน เม็ดอม หมากฝรั่ง ยาสูดพ่น และสเปรย์จมูก หรือ
- ยาที่ออกฤทธิ์กับตัวรับนิโคตินในสมอง เช่น บูโพรพิออน (Bupropion) วาเรนิคลีน (Varenicline) ยาทั้งสองชนิดช่วยให้การถอนนิโคตินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การใช้ยาเหล่านี้จำเป็นต้อง ปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงหรือทำปฏิกิริยากับยาอื่น ๆ ได้
- การบำบัดทางพฤติกรรม (Behavioral Therapy)
วิธีนี้เป็นการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมการสูบบุหรี่โดยไม่ใช้ยา เช่น การปรับพฤติกรรมทางความคิด (Cognitive Behavioral Therapy: CBT) การสร้างแรงจูงใจ (Motivational Interviewing) หรือวิธีการอื่น ๆ เพื่อเสริมแรงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
กลยุทธ์เพื่อปรับพฤติกรรมเหล่านี้ มักไม่ได้ถูกใช้เพียงวิธีการใดวิธีการหนึ่ง แต่ประยุกต์ใช้ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่สามารถควบคุมตัวเอง หยุดพฤติกรรมการสูบบุหรี่ได้ พร้อมทั้งเปลี่ยนแนวคิด ความเชื่อ หรือทัศนคติ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเลิกบุหรี่ ตลอดจนช่วยวางโครงสร้างให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การตั้งเป้าหมายและกำหนดวันเลิกสูบบุหรี่อย่างชัดเจน การติดตามตนเองผ่านบันทึกเวลาหรือสถานที่ที่สูบบุหรี่ และการเรียนรู้ฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ที่จะนำไปใช้ในการดูแลตัวเองหลังจากเลิกบุหรี่ได้และป้องกันไม่ให้กลับมาสูบบุหรี่อีกครั้ง
- การบำบัดแบบผสมผสาน (Combination Therapy)
การบำบัดแบบผสมผสานเป็นแนวทางที่นำ การบำบัดทางพฤติกรรม และ การบำบัดด้วยยา มาใช้ร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการให้คำแนะนำสั้น ๆ จากแพทย์หรือพยาบาลควบคู่ไปกับการใช้ยา ซึ่งแนวทางนี้เป็นสิ่งที่ผู้ที่ตั้งใจเลิกบุหรี่มักมองหามากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยยังขาดแรงจูงใจในการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง แม้ว่าพวกเขาจะแสดงความต้องการที่จะเลิกบุหรี่ การนำแนวทางแบบผสมผสานมาใช้ร่วมกัน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการในการเลิกบุหรี่ได้สำเร็จยิ่งขึ้น
ไม่มีแนวทางการเลิกบุหรี่ใดที่เป็นสูตรสำเร็จ ที่ใช้ได้ผลกับทุกคน ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นเพศ วัฒนธรรมหรือช่วงอายุ กุญแจสู่ความสำเร็จในการเลิกบุหรี่ จึงเป็นการปรับกลุยทธ์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ ปัจจุบันมีหลายช่องทางที่พร้อมยินดีให้การสนับสนุนและช่วยเหลือในการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 คลินิกฟ้าใส คลินิกที่ช่วยในการเลิกบุหรี่ ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีร้านยาอาสาพาเลิกบุหรี่ ในโครงการ สปสช. หรือคลินิกออนไลน์ที่ให้บริการผ่านระบบ Tele-medicine สามารถติดตามการบำบัดผ่านช่องทางออนไลน์
การเลิกบุหรี่ คือ ‘ของขวัญที่ดีที่สุดที่มอบให้กับตัวเองและคนที่คุณรัก’ เพื่อให้ทุกคนหายใจได้เต็มปอด ปราศจากควันบุหรี่ เพื่อร่างกายที่มีสุขภาพดี และชีวิตที่ยืนยาว เริ่มต้นลงมือทำตั้งแต่วันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อร่างกาย การตัดสินใจเลิกบุหรี่ในครั้งนี้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในทุกวัน
โดย ทีมแพทย์ BDMS Wellness Clinic Institute
และสมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการศึกษาโรคอ้วน กรุุงเทพ (BARSO)
รายการอ้างอิง
- Cho ER, Brill IK, Gram IT, Brown PE, Jha P. Smoking cessation and short-and longer-term mortality. NEJM evidence. 2024 Feb 27;3(3):EVIDoa2300272.
- Onwuzo CN, Olukorode J, Sange W, Orimoloye DA, Udojike C, Omoragbon L, et al. A Review of smoking cessation interventions: efficacy, strategies for implementation, and future directions. Cureus. 2024 Jan 11;16(1).
- American College of Lifestyle Medicine. Avoidance of Risky Substances [Internet]. 2023 [cited 2025 Jun 15]. Available from: https://lifestylemedicine.org/wp-content/uploads/2024/08/LM-Avoid-Risk-23.pdf