“6 เสาหลักสู่การนอนหลับที่มีคุณภาพ เริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใส”
มาถึงเสาหลักที่ 3 ของเวชศาสตร์วิถีชีวิตที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการรับประทานอาหาร หรือการออกกำลังกาย นั่นคือ การนอนหลับที่มีคุณภาพ (Restorative sleep)
การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนถนน และเกิดความผิดพลาดในการทำงาน อีกทั้งโรคต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กับการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ เนื่องจากร่างกายเกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น ภูมิต้านทานลดลง เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคทางจิตเวช รวมไปถึงเพิ่มการสะสมของเสียในสมองที่มากขึ้น (Beta- amyloid) ซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ในทางกลับกัน โรคประจำตัวต่าง ๆ ก็สามารถรบกวนการนอนหลับได้ ทั้งสองอย่างนี้จึงเป็นผลของกันและกัน หมุนเวียนเป็นวงจร
ตามคำแนะนำของ National Sleep Foundation (NSF) ระยะเวลาการนอนหลับที่เพียงพอ มีความแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ ดังนี้
- ทารกอายุ 0-3 เดือน ควรนอนหลับ 14-17 ชั่วโมงต่อคืน
- ทารกอายุ 4-11 เดือน ควรนอนหลับ 12-15 ชั่วโมงต่อคืน
- เด็กอายุ 1-2 ปี ควรนอนหลับ 11-14 ชั่วโมงต่อคืน
- เด็กอายุ 3-5 ปี ควรนอนหลับ 10-13 ชั่วโมงต่อคืน
- เด็กอายุ 6-13 ปี ควรนอนหลับ 9-11 ชั่วโมงต่อคืน
- วัยรุ่นอายุ 14-17 ปี ควรนอนหลับ 8-10 ชั่วโมงต่อคืน
- ผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี ควรนอนหลับ 7–9 ชั่วโมงต่อคืน
- ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ควรนอนหลับ 7–8 ชั่วโมงต่อคืน
แต่ระยะเวลาการนอนหลับที่เพียงพอเพียงอย่างเดียว ไม่อาจเรียกว่า เป็นการนอนหลับที่มีคุณภาพได้แต่ต้องประกอบด้วย “ความต่อเนื่อง (Sleep continuity)” คือ การไม่ตื่นระหว่างการนอนหลับรวมกันมากกว่า 20 นาที และ “ความลึก” (Sleep depth)” ควรมีช่วงเวลาหลับลึกราว 13-23% ของระยะเวลาการนอนหลับทั้งหมด จึงจะเรียกว่าเป็นการนอนหลับที่มีคุณภาพได้

ปัญหาของการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ
การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้รู้สึกไม่สดชื่น แม้ว่าระยะเวลาการนอนหลับจะเพียงพอ ซึ่งหากพบอาการนี้ ตั้งแต่ 3-4 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องสังเกตและให้ความใส่ใจ เพราะจะส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าหลังจากตื่นนอน มีอาการง่วงนอนในเวลากลางวัน ทำให้การทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ไปจนถึงอาจเกิดอุบัติเหตุตามมาได้ โดยมีปัญหาดังกล่าวมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง 6 อย่าง ดังนี้
- ปัจจัยทางสังคม เช่น อายุ เพศ สถานะสมรส อาชีพ รายได้ ระดับการศึกษา ประเทศที่อาศัย เป็นต้น
- ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ เสียง ฟูกที่นอน เป็นต้น
- ปัจจัยทางด้านวิถีชีวิต เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การได้รับคาเฟอีน การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารก่อนเข้านอน กิจกรรมที่ทำก่อนเข้านอน เป็นต้น
- ปัจจัยทางสุขภาพ เช่น โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Obstructive Sleep Apnea, OSA) ค่าดัชนีมวลกาย เป็นต้น
- ปัจจัยทางจิตวิทยา เช่น ระดับความเครียด ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น
- ปัจจัยทางการหลับและตื่น เช่น การตื่นนอนและเข้านอนในเวลาเดิม ระยะเวลาการนอนหลับ การตื่นกลางดึก เป็นต้น
คำแนะนำเพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ
- เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาทุกวัน แม้จะเป็นวันหยุด เพื่อสร้างวงจรการนอนหลับที่ดี และนอนหลับให้ได้ระยะเวลาเพียงพอตามช่วงวัย
- สร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอนหลับ ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับการนอนหลับ ลดสิ่งรบกวนที่อาจส่งผลต่อการนอนหลับ เช่น ใส่ที่อุดหู (Earplugs) เพื่อลดเสียง หรือใส่ที่ปิดตาเพื่อลดแสง
- ใช้เตียงสำหรับการนอนหลับเท่านั้น ไม่ใช้ในการทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การทำงาน ดูโทรทัศน์ หรือรับประทานอาหาร
- ก่อนเข้านอนให้ทำกิจกรรมที่เกิดความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย เช่น ทำสมาธิ อ่านหนังสือ เป็นต้น พยายามหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือ ดูโทรทัศน์หรือใช้คอมพิวเตอร์ก่อนนอน 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากแสงสีฟ้าจากหน้าจอสามารถรบกวนการนอนหลับได้
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากโรคอ้วนนำไปสู่ปัญหาการนอนหลับต่าง ๆ เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพราะการออกกำลังกายช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย 3 ชั่วโมงก่อนเวลานอนหลับ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการนอนหลับ
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ เพราะทั้งสองอย่าง ทำให้คุณภาพการนอนหลับลดลง
- หลีกเลี่ยงอาหารมื้อใหญ่ หรืออาหารที่ย่อยยาก อย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อลดความเสี่ยง จากอาการท้องอืด แน่นท้องหรือภาวะกรดไหลย้อน ส่งผลให้นอนหลับไม่สนิท
- หากมีโรคประจำตัว ลองปรึกษากับแพทย์ผู้รักษาถึงผลข้างเคียงของยา เพื่อตรวจสอบว่า มียาที่รบกวนการนอนหลับหรือไม่
โดย ทีมแพทย์ BDMS Wellness Clinic Institute และสมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการศึกษาโรคอ้วน กรุงเทพ (BARSO)
รายการอ้างอิง:
- Ohayon MM. Prevalence and correlates of nonrestorative sleep complaints. Archives of Internal medicine. 2005 Jan 10;165(1):35-41.
- Consensus Conference Panel, Watson NF, Badr MS, Belenky G, Bliwise DL, Buxton OM, Buysse D, Dinges DF, Gangwisch J, Grandner MA, Kushida C. Recommended amount of sleep for a healthy adult: a joint consensus statement of the American Academy of Sleep Medicine and Sleep Research Society. Journal of Clinical Sleep Medicine. 2015 Jun 15;11(6):591-2.
- Irish LA, Kline CE, Gunn HE, Buysse DJ, Hall MH. The role of sleep hygiene in promoting public health: A review of empirical evidence. Sleep medicine reviews. 2015 Aug 1;22:23-36.
- National Sleep Foundation. What Is Sleep Quality? [Internet]. Washington, DC: National Sleep Foundation; 2020 Oct 28 [cited 2025 Mar 20]. Available from: https://www.thensf.org/what-is-sleep-quality/
- Shokri-Kojori E, Wang GJ, Wiers CE, Demiral SB, Guo M, Kim SW, et al. β-Amyloid accumulation in the human brain after one night of sleep deprivation. Proc Natl Acad Sci U S A. 2018;115(17):4483-8.