World Diabetes Day 2025
World Diabetes Day 2025
“สุขภาพดีเริ่มต้นจากที่ทำงาน: ออฟฟิศยุคใหม่ ใส่ใจเบาหวาน”
โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสุขภาพระดับโลก ปัจจุบันมีผู้ป่วยกว่า 589 ล้านคนทั่วโลก และส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน ทำให้ “สถานที่ทำงาน” กลายเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการป้องกันและดูแลโรคเบาหวาน เนื่องในวันเบาหวานโลก ปี 2568 ภายใต้ธีม “Diabetes and the workplace” เราจึงควรทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรคเบาหวานกับการทำงาน และบทบาทขององค์กรในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน
ทำไมที่ทำงานถึงสำคัญ?
สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (IDF) ระบุว่า ประมาณ 70% ของผู้ป่วยเบาหวานอยู่ในวัยทำงาน ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ในสถานที่ทำงาน องค์กรจึงมีส่วนสำคัญต่อทั้งสุขภาพโดยรวม ประสิทธิภาพการทำงาน และคุณภาพชีวิตของพนักงานโดยตรง หากองค์กรมีสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนสุขภาพ ก็จะช่วยให้พนักงานสามารถควบคุมโรคและทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ แต่หากขาดการสนับสนุนจากองค์กรอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความเหนื่อยล้า ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และนำไปสู่การขาดงานได้
ไม่เพียงสุขภาพกายเท่านั้น โรคเบาหวานยังส่งผลต่อสุขภาพจิต การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การวางแผนมื้ออาหาร และการใช้ยา มักสร้างความเครียดและความวิตกกังวล หากต้องเจอการเลือกปฏิบัติในที่ทำงานด้วย ก็ยิ่งทำให้พนักงานไม่กล้าเปิดเผยภาวะสุขภาพของตนเอง และบั่นทอนแรงจูงใจในการทำงาน
แนวทางสู่องค์กรใส่ใจผู้ป่วยเบาหวาน
1.การส่งเสริมสุขภาพอย่างรอบด้าน
ส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเอง เช่น การควบคุมน้ำหนัก การปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการเลิกสูบบุหรี่ รวมถึงให้ความรู้เพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคในอนาคต
2.การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
จัดพื้นที่หรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการตรวจระดับน้ำตาลหรือฉีดอินซูลิน พร้อมภาชนะทิ้งขยะติดเชื้ออย่างปลอดภัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงภาวะฉุกเฉินและให้พนักงานทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
3.การจัดการด้านอาหาร
จัดให้มีร้านค้าหรือเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติที่จำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี อีกทั้งอาจแนะนำให้พนักงานเตรียมของว่างไว้ที่โต๊ะทำงานเผื่อในกรณีฉุกเฉิน
4.ความพร้อมรับมือภาวะฉุกเฉิน
ให้ความรู้แก่เพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานเกี่ยวกับอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เหงื่อออก มือสั่น หรือพูดไม่ชัด รวมถึงวิธีการช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น การให้ดื่มกลูโคสหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และขั้นตอนการติดต่อหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน
5.การมีกิจกรรมทางกายในระหว่างทำงาน
สนับสนุนให้พนักงานเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างวัน เช่น ลุกยืน เดินระหว่างการประชุม หรือการยืดเหยียดเบา ๆ องค์กรอาจจัดพื้นที่สำหรับการออกกำลังกาย เพื่อช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
6.การจัดการความเครียด
ความเครียดทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น องค์กรควรมีมาตรการเพื่อลดความเครียดในที่ทำงาน เช่น การกระจายงานที่เหมาะสม การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต หรือจัดกิจกรรมสร้างความผ่อนคลาย เพื่อช่วยให้พนักงานควบคุมโรคเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น
การดูแลโรคเบาหวานในที่ทำงานไม่ใช่เพียงความรับผิดชอบของผู้ป่วยเท่านั้น แต่คือความร่วมมือระหว่างพนักงานและองค์กร ตั้งแต่การเอื้อให้มีการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การออกกำลังกายระหว่างวัน และการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน ล้วนสามารถช่วยสร้างความแตกต่างและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจและยั่งยืน
ในวันที่ 14 พฤศจิกายน วันเบาหวานโลก (World Diabetes Day) ขอเชิญชวนทุกหน่วยงานร่วมตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างองค์ความรู้และการจัดการโรคเบาหวานในที่ทำงานอย่างถูกต้อง เพราะสุขภาพที่ดีของพนักงานคือรากฐานของการเติบโตที่มั่นคงทั้งขององค์กรและสังคม
รายการอ้างอิง
[1]The International Diabetes Federation (IDF). World Diabetes Day 2025: Campaign Toolkit [Internet]. 2025 [cited 2025 Sep 15]. Available from: https://new.express.adobe.com/webpage/ABPatKGEc7nTh
[2]The International Diabetes Federation (IDF). IDF Diabetes Atlas. 11th Edition. Brussels, Belgium: IDF; 2025. 125 pages. ISBN: 978-2-930229-96-6. Available from: https://diabetesatlas.org/resources/idf-diabetes-atlas-2025/
[3]Canadian Centre for Occupational Health and Safety (CCOHS), Government of Canada. Diabetes in the Workplace [Internet]. 2024 Oct 4 [cited 2025 Sep 15]. Available from: https://www.ccohs.ca/oshanswers/diseases/diabetes.html
[4]Committee ADAPP. 5. Facilitating Positive Health Behaviors and Well-being to Improve Health Outcomes: Standards of Care in Diabetes—2025. Diabetes Care. 2024;48(Supplement_1):S86-S127.
